3 สเต็ปควรรู้ก่อนเลือกผ้าปูที่นอน
การเลือกผ้าปูที่นอน
ก่อนจะเลือกซื้อผ้าปูที่นอน เราจำเป็นจะต้องรู้ขนาดของที่นอนก่อนเหมือนซื้อผ้าม่าน ก็ต้องดูขนาดหน้าต่างเช่นกัน เมื่อทราบขนาดที่แน่นอนแล้ว ก็มาเริ่มเลือกผ้าปูที่ขนาดเหมาะพอดีกับที่นอน ไม่ควรใช้ผ้าปูที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าที่นอน เพราะจะทำให้ผ้าไม่เรียบตึง เมื่อใช้งานจริงและยังทำให้ผู้นอนรู้สึกไม่สบายตัว ขณะนอนหลับอีกด้วยในประเทศไทยจะมีขนาดมาตรฐานดังนี้ครับ ขนาด 3.5 ฟุต (Single) , 5ฟุต (Queen) ,ขนาด 6 ฟุต (King) ความกว้างของที่นอนจะแตกต่างกันไปตามขนาด แต่ความยาวจะเท่ากันทุกขนาด นั่นคือ 78 นิ้ว หรือ 198 ซม.
ผ้าปูที่นอนเป็นอีกหนึ่งไอเท็มชิ้นสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การนอนให้กับคุณ หลายคนอาจเคยเจอปัญหาไม่สามารถเลือกผ้าปูที่นอนที่เหมาะสมกับตัวเองได้ เพราะในท้องตลาดมีผ้าปูที่นอนมากมายหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร ที่น่าตกใจคือ ราคาของผ้าปูที่นอนบางประเภทมีราคาที่สูงจนคุณนึกไม่ถึง แล้วผ้าปูแบบไหนล่ะที่เหมาะกับคุณ วันนี้เรามี 3 ขั้นตอนมาเป็นตัวช่วยให้คุณเลือกซื้อผ้าปูที่นอนที่ถูกใจได้อย่างง่ายๆ
Step 1 เลือกขนาดผ้าปูที่นอนให้ตรงกับขนาดที่นอน
สำรวจที่นอนและเตียงของเราว่ามีขนาดเท่าไหร่ เมื่อทราบขนาดที่แน่นอนแล้ว ก็มาเริ่มเลือกผ้าปูที่ขนาดเหมาะพอดีกับที่นอน ไม่ควรใช้ผ้าปูที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าที่นอน เพราะจะทำให้ผ้าไม่เรียบตึง เมื่อใช้งานจริงและยังทำให้ผู้นอนรู้สึกไม่สบายตัว ขณะนอนหลับอีกด้วย
ในเมืองไทยส่วนมาก มีขนาดผ้าปูที่นอน ดังนี้
- Single fitted sheet 42 X 78 นิ้ว (3.5 X 6.5 ฟุต)
• Queen fitted sheet 60 X 78 นิ้ว (5 X 6.5 ฟุต)
• King fitted sheet 72 X 78 นิ้ว (6 X 6.5 ฟุต)
ผ้าปูที่นอนจะมี 2 แบบที่เป็นมาตรฐาน คือ แบบรัดมุม(มียางยืด) และแบบไม่รัดมุม
Step 2 เลือกเนื้อผ้าในแบบที่ใช่
หลังจากทราบขนาดของที่นอนแล้วเหมือนขนาดของผ้าม่าน ต่อมา เราจะมาดูกันในส่วนของเนื้อผ้า (ปูที่นอน) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญ ชนิดของเนื้อผ้าที่แตกต่างกันจะมีผลต่อคุณภาพของผ้าปูโดยตรง โดยในท้องตลาดปัจจุบันมีเนื้อผ้าให้เลือกหลากหลาย อาทิ
ผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ (Poly-cotton)
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ถึงแม้จะไม่สามารถระบายอากาศได้ดีเท่าผ้าฝ้ายแท้ แต่ฝ้ายผสมใยสังเคราะห์นี้จะยับยากกว่าผ้าฝ้ายแท้ และราคาถูกกว่า
ผ้าฝ้าย (Cotton)
เป็นเนื้อผ้าที่ได้รับความนิยมที่สุดเพราะมีความนุ่มสบาย และเป็นเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติ ถ่ายเทอากาศได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกร้อนขณะนอนหลับ ทั้งยังมีความคงทนและมีราคาหลากหลายให้เลือก ผ้าฝ้ายที่เชื่อกันว่ามีคุณภาพดีที่สุด ได้แก่ Egyptian cotton และ Pima cotton ซึ่งมีเส้นใยเหนียวแน่นและทนทาน สำหรับใครที่มองหาผ้าปูที่นอนที่ดูแลรักษาง่าย แนะนำให้เลือกเนื้อผ้าที่ทำจากฝ้าย
ผ้าสักหลาด (Flannel)
ผ้าสักหลาดทำจากขนสัตว์ผสมกับฝ้ายหรือใยสังเคราะห์ ให้ความอบอุ่นได้อย่างมากในฤดูหนาว แต่ผ้าชนิดนี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมในเมืองไทยเนื่องจากมีอากาศร้อน
ผ้าซาติน (Satin)
ผ้าซาตินมีจุดเด่นที่ให้ความรู้สึกนุ่มเรียบลื่น เย็นสบายผิว และดูหรู แต่ผ้าชนิดนี้มีข้อเสียตรงที่อาจจะไม่ทนทานเท่าผ้าชนิดอื่นๆ
ผ้าไหม (Silk)
แม้จะเป็นผ้าที่ให้ความรู้สึกหรู นุ่มละมุน แต่ข้อเสียของผ้าไหมคือไม่ทนทานเท่าผ้าชนิดอื่นๆ ทำความสะอาดยาก และมีราคาที่สูง นิยมให้เป็นของขวัญสำหรับคู่แต่งงานใหม่
นอกจากชนิดผ้าที่แตกต่างซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของผ้าปูที่นอนที่แตกต่างกันไปแล้ว ความหนาแน่นของเส้นด้ายในการถักทอก็มีผลต่อราคาและคุณสมบัติของผ้าปู โดยผ้าปูที่นอนคุณภาพดีควรมีความหนาแน่นของเส้นด้ายในการทักถอม (Thread count)
Thread count
เป็นตัวบอกจำนวนเส้นด้ายที่ทอขึ้นเป็นผ้าต่อหนึ่งตารางนิ้ว ผ้าปูที่นอนส่วนใหญ่มีจำนวนส้นด้ายอยู่ที่ 180-300 เส้น มากกว่าผ้าม่าน แน่นอนโดย thread count ที่สูงขึ้นจะทำให้ผ้ามีความนุ่มมากขึ้น รวมถึงราคาที่แพงขึ้นด้วย เนื้อผ้าที่ดีนั้น เส้นด้ายในการทอนั้นต้องทอไม่ต่ำกว่า 350 เส้นด้ายต่อ 10 เซ็นติเมตร จะทำให้ผ้าปูที่นอนนั้นมีคุณภาพ
หลายคนมักเข้าใจว่า thread count ที่สูงจะมีคุณภาพดี แต่ในความเป็นจริง คุณภาพที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าด้วย เช่น ผ้าที่มี thread count สูงแต่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน อาจไม่ให้ความนุ่มและความสบายมากเท่าผ้าชนิดที่ดีกว่าได้
Step 3 เลือกสีที่ถูกใจ
เชื่อหรือไม่ว่า สีมีส่วนอย่างมากต่อสภาวะอารมณ์ของผู้อยู่อาศัย ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผ้าปูที่นอนสีต่างๆ เรามาดูกันว่า สีไหนส่งผลด้านใดกันบ้าง
โทนสีเย็น
สีเขียว ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และจิตใจให้สดชื่น
สีฟ้า เป็นสีที่เหมาะแก่การพักผ่อนมากสุด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งยังทำให้นอนหลับสบาย
สีม่วง เป็นสีกลางระหว่างโทนร้อนกับโทนเย็น สำหรับห้องนอนเด็ก ผ้าปูที่นอนสีม่วงนับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
สีดำ ผ้าปูที่นอนสีดำจะทำให้รู้สึกร้อนและจำกัดความกว้างของห้อง ห้องที่มีขนาดเล็กจึงไม่ควรใช้ แต่สำหรับห้องโล่งกว้างผ้าปูสีดำก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดูเก๋ไปอีกแบบ
สีขาว ถือเป็นสีเบสิคของผ้าปูที่นอน เป็นสีทีให้ความรู้สึกสบายตา เหมาะสำหรับห้องนอนของทุกเพศ ทุกวัย
โทนสีอุ่น
สีเหลือง ทำให้ห้องสว่างขึ้น สำหรับผู้สูงอายุ ที่สายตาไม่ค่อยดี ผ้าปูที่นอนสีเหลืองอ่อนเป็นตัวเลือกที่เหมาะ
สีแดง เป็นสีที่เพิ่มพลังงานในร่างกายและช่วยในการไหลเวียนสูบฉีดโลหิต สำหรับคนที่รู้สึกซึมเศร้า หดหู่ ผ้าปูที่นอนสีแดงจะช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นได้
สีส้ม เป็นสีที่ให้ผลใกล้เคียงกับสีแดง คือช่วยให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายขึ้น
จาก 3 ขั้นตอนง่ายๆ ข้างต้นคงพอจะเป็นไอเดียในการซื้อผ้าปูที่นอนให้กับคุณได้บ้าง ทีนี้ก็ได้เวลาออกไปเลือกแบบที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ แล้วพักผ่อนกันให้สบายได้เลย
เรียบเรียงโดย: MCCONTENT
ที่มา: 2madames.com