คลังสินค้าแบบไหน ที่เหมาะกับธุรกิจของเรา ต้องเลือกยังไง
1 min read

คลังสินค้าแบบไหน ที่เหมาะกับธุรกิจของเรา ต้องเลือกยังไง

คลังสินค้าเป็นสถานที่สำหรับเก็บรักษาสินค้าและวัตถุต่างๆ ภายในระบบการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าของธุรกิจหรือองค์กร ส่วนใหญ่ใช้ในกลุ่มธุรกิจส่งออก นำเข้า และค้าส่ง เช่น บริษัทผู้ผลิตสินค้าหรือส่งออกสินค้าจะใช้คลังสินค้าในการเก็บรักษาสินค้าก่อนที่จะจัดส่งให้กับลูกค้าหรือตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากคลังสินค้ามีหลายประเภท สำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ หรือแม่ค้าออนไลน์ที่อยากขยายพื้นที่เก็บสินค้าอาจจะตัดสินใจได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าธุรกิจของเราเหมาะสำหรับคลังสินค้าแบบไหน วันนี้บทความของเรามีคำตอบมาให้แล้ว

ขั้นตอนการเลือกคลังสินค้าให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเอง 

  1. วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของธุรกิจของคุณ รวมถึงปริมาณสินค้าที่ต้องการจัดเก็บและจัดส่ง รูปแบบการจัดส่ง (เช่น ขนาดใหญ่หรือเล็ก) ความถี่ในการรับส่งสินค้า เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ จะช่วยให้เรารู้ว่าคลังแบบไหนที่เหมาะกับเรากันแน่ 

  1. ดูตำแหน่งที่ตั้งของคลังสินค้า

พิจารณาเรื่องของตำแหน่งที่ตั้งคลังสินค้า พยายามเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด โดยดูจากเส้นทางขนส่งเข้า-ออก ว่าอยู่ใกล้ช่องทางไหนมากกว่ากัน ระหว่างแหล่งผลิตหรือลูกค้า ถ้าสามารถเข้าถึงเส้นทางขนส่งหลักได้สะดวกจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ที่เป็นต้นทุนหลักในการกระจายสินค้าของเรา

  1. ขนาดที่จำเป็น

ขนาดและพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า รวมถึงระบบเอกสารการส่งสินค้า ระบบเก็บเข้าและเบิกออกสินค้า ภายนอก พื้นที่พร้อมสำหรับรองรับการทำงานในองค์กรของเรามากน้่อยขนาดไหน ต้องเพิ่มเติมระบบ หรืออุปกรณ์เสริมอะไรเข้ามาหรือเปล่า พยายามเลือกพื้นที่และขนาดที่พร้อมที่สุด ที่เราสามารถเริ่มทันงานได้ทันที

  1. พิจารณาเทคโนโลยีและระบบบริหารจัดการสต็อก

แนะนำว่าให้เลือกคลังสินค้า ที่มีเทคโนโลยีและระบบบริหารจัดการสต็อก เช่น ระบบควบคุมสต็อกอัตโนมัติ (Automated Stock Control) ระบบติดตามสต็อกและการส่งออก (Inventory Tracking and Shipping) ซึ่งจะช่วยให้การจัดเก็บและจัดส่งสินค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ธุรกิจมีปัญหาระหว่างทางได้ ควรเช็คค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเช่าพื้นที่ ค่าบำรุงรักษา ค่าพนักงาน ค่าพาหนะและระบบขนส่ง เพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณของธุรกิจ

  1. เช็คระบบการขนส่ง

ระยะเวลาที่จะส่งสินค้าถึงลูกค้า ประสิทธิภาพในการจัดส่ง การตรวจสอบและควบคุมสต็อก เพื่อให้การขนส่งมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้เต็มที่

คลังสินค้าแบ่งออกมาได้ 6 ประเภทดังนี้

  1. โกดังสินค้าแบบส่วนตัว (Private Warehouse) 

คลังสินค้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการโดยบุคคลหรือธุรกิจเอง โกดังสินค้าแบบส่วนตัวสามารถอยู่ในสถานที่ของธุรกิจ หรืออาจเช่าพื้นที่เพื่อใช้เป็นคลังสินค้าได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ร่วมกับธุรกิจอื่นๆ

  1. โกดังสินค้าแบบสาธารณะ (Private Warehouse)

คลังสินค้าที่เปิดให้บริการแก่บุคคลหรือธุรกิจทั่วไปในรูปแบบการเช่า โกดังให้เช่าสินค้าแบบสาธารณะให้บริการในการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการที่มีความต้องการ โดยสามารถเช่าพื้นที่ในคลังสินค้าและบริการเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น บริการบรรจุภัณฑ์ บริการตรวจสอบสินค้า หรือบริการจัดส่งสินค้าเป็นต้น โกดังสินค้าแบบสาธารณะมักใช้ในธุรกิจการขนส่ง การจัดจำหน่าย และธุรกิจค้าส่งที่ต้องการบริการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลงทุนในคลังสร้างคลังเอง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการขยายพื้นที่จัดเก็บ แต่ไม่อย่างสร้างโกดัง

  1. คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)

 คลังสินค้าที่ได้รับการรับรองและอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระบบศุลกากรของประเทศ คลังสินค้าทัณฑ์บนเป็นพื้นที่ที่ใช้ในการเก็บรักษาสินค้าที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการนำเข้าหรือส่งออก สินค้าที่มีค่าภาษีหรืออากรที่ควรชำระแต่ยังไม่ได้ชำระ ที่สำคัญยังมีระยะเวลาที่สินค้าสามารถเก็บรักษาในคลังสินค้าทัณฑ์บนได้โดยไม่ต้องชำระภาษีอากรขณะที่สินค้าอยู่ในคลัง ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละเขต

  1. ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center)

คลังสินค้าที่เป็นสถานที่ขนาดใหญ่ ใช้ในกระบวนการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าให้ถึงสถานที่ปลายทางให้แก่ลูกค้าหรือตัวแทนจำหน่าย ศูนย์กระจายสินค้ามักจัดตั้งในตำแหน่งที่เชื่อมโยงกับเส้นทางขนส่งหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าสามารถถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

  1. โกดังที่มีการควบคุมอุณหภูมิ (Climate-controlled Warehouse)

คลังสินค้าที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิภายในเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาสินค้าที่ต้องการอุณหภูมิควบคุม เช่น สินค้าที่ต้องการอุณหภูมิต่ำหรือสูงเพื่อรักษาความสดใหม่ หรือสินค้าที่ต้องการความชื้นและอุณหภูมิที่เสถียร เช่น อาหารสดหรือเครื่องดื่ม ยา วัตถุดิบอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอื่นๆ 

โกดังที่มีการควบคุมอุณหภูมิจะมีระบบที่ควบคุมอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น ระบบท่อส่งอากาศเย็นหรือร้อน ระบบตรวจวัดและควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่อให้สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาสินค้าในระยะเวลาที่ต้องการ

  1. คลังสินค้าแบบบริหารจัดการ (Fulfillment Center)

คลังสินค้าแบบบริหารจัดการมักเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจออนไลน์ เช่น บริษัทการค้าออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ ธุรกิจ e-commerce  ในคลังสินค้า มักมีกระบวนการเกี่ยวกับการรับสินค้าเข้าคลัง การจัดเรียงและจัดเก็บสินค้า การบรรจุและบรรจาคสินค้า การตรวจสอบคุณภาพสินค้า รวมถึงการจัดส่งสินค้าให้ถึงลูกค้า

การใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติในกระบวนการ เช่น ระบบจัดเรียงสินค้าด้วยหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติในการเพิ่มสินค้าลงในรถขนส่ง หรือระบบการจัดเก็บสินค้าแบบอัตโนมัติ คลังสินค้าแบบบริหารจัดการมีความสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจออนไลน์ที่มีการขายและจัดส่งสินค้าผ่านทางออนไลน์ โดยช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการจัดส่งสินค้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าให้มีความสมดุลและพร้อมจัดส่งให้แก่ลูกค้าได้โดยรวดเร็วและตรงตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยในการบริหารจัดการคืนสินค้า (Returns Management) ให้สะดวกและมีประสิทธิภาพเมื่อลูกค้าต้องการคืนสินค้า ได้อีกด้วย

หลายคนเองก็ยังคงสงสัยว่าในปี 2023 นี้ ทำโกดังขนาดเล็กให้เช่า ยังมีความต้องการอยู่มั้ย หลังจากตั้งกระทู้ไปก็มีคนเข้ามาตอยค่อนข้างหลากหลายความเห็นเห็น ลองอ่านดูได้ครับ คลิ๊กลิงค์พันทิป 

การเลือกคลังสินค้าที่เหมาะสำหรับธุรกิจนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและความต้องการของแต่ละธุรกิจอาจแตกต่างกันไป ส่วนตัวแล้วใครที่เป็นมือใหม่จริงๆ ไม่มีความรู้ด้านคลังสินค้าเลย แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านคลังสินค้า  เพื่อเลือกคลังที่เหมาะกับธุรกิจของเรามากที่สุด